 |
| |
More than laser liposuction |
|
|
| |
| สลายไขมันวิธีไหนดีน่าจะเป็นคำถามที่คาใจอยู่ไม่น้อยสำหรับคนที่ต้องการลดไขมันเนื่องจากปัจจุบันมีโฆษณามากมายต่างก็อวดอ้างสรรพคุณของเครื่องมือใหม่ๆของตนเองไม่ว่าจะเป็นเครื่องเลเซอร์สลายไขมัน (Smartlipo / Laserlipo), การสลายไขมันด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Vaser), การใช้น้ำในการสลาย (Waterjet), การใช้คลื่นวิทยุ (RF) รวมถึงการใช้ความเย็นจัดๆ (Cool sculpturing / Zeltig) ซึ่งในความจริงแล้วไม่ว่าจะใช้เครื่องมือชนิดใดในการสลายไขมันก็ตาม ถ้าเราไม่ดูดไขมันที่สลายแล้วออกมาก็ไม่มีวันได้เห็นผลที่ชัดเจนแน่นอน |
| |
|
| ทำไมเลือกเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดแล้วยังไม่ได้ผลหรือมีปัญหา |
|
| บริษัทผลิตเครื่องมือในปัจจุบันมักนำเสนอเครื่องมือสู่ผู้บริโภคโดยตรงพร้อมๆกับอวดอ้างสรรพคุณของเครื่อง โดยไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพของแพทย์ผู้ใช้หรือแพทย์บางท่านก็ใช้คุณภาพของเครื่องมือทดแทนความสามารถของตนเองซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะทดแทนกันได้ทั้งคู่ คนส่วนมากมักลืมไปว่าศัลยกรรมลดไขมันเฉพาะที่นั้นก็คือ การดูดไขมัน ซึ่งเป็น หัตถการ ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์เป็นหลัก ไม่ว่าจะใช้เครื่องมือที่วิเศษหรือทันสมัยแค่ไหนถ้าคนใช้ไม่มีประสบการณ์ ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมเป็นปัญหาแน่นอน จริงอยู่ที่เครื่องมือบางชนิดสามารถช่วยสลายไขมันได้บ้างแต่ก็เป็นเพียงทำให้การดูดง่ายขึ้นบ้างเท่านั้นเอง มิใช่มาทดแทนความสามารถของศัลยแพทย์แต่อย่างใด เครื่องมือที่ใช้มีผลต่อการรักษาเพียง 10% เท่านั้นที่เหลืออีก 90% เป็นงานของศัลยแพทย์ล้วนๆ ดังนั้นการยึดเอาเครื่องมือเป็นที่ตั้งจนลืมมองว่าใคร คือผู้รักษาที่แท้จริงสุดท้ายก็ต้องจบด้วยปัญหาอย่างที่เราได้เห็นหรือได้ยินมา |
| |
|
| ทำไมดูดไขมันแล้วเป็นคลื่นๆ ไม่เรียบ |
|
| ปัญหานี้เกิดจากการใช้เครื่องมือขนาดใหญ่เกินไป หรือแพทย์ที่ขาดความชำนาญ ทำให้ไขมันบางส่วนถูกดูดไป แต่บางส่วนยังคงอยู่ จึงเกิดเป็นลอนๆคล้ายลูกคลื่น การใช้เครื่องมือขนาดเล็กร่วมกับเทกนิคการดูดไขมันที่ถูกต้องจึงจะป้องกันปัญหานี้ได้ |
| |
|
| การดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนัก |
|
| มักเป็นเรื่องเข้าใจผิดว่าถ้าอ้วนก็ไปดูดไขมันออกบ้างจะได้ผอม ซึ่งความจริงแล้วการดูดไขมันเป็นการปรับรูปร่างให้ดูดีสมส่วนมากขึ้นที่เรียกว่า Body contouring ไม่ใช่ weight reduction อย่างที่เข้าใจกัน น้ำหนักตัวอาจลดลงบ้าง แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของการดูดไขมัน การดูดไขมันจึงไม่ใช่การดูดเซลไขมันออกให้หมด แต่เป็นการขจัดไขมันสวนเกินออกเพื่อให้รูปร่างดูดีขึ้นเท่านั้น การดูดไขมันออกจนหมดจะทำให้เกิดปัญหาแหว่งเว้าผิดรูปทันที |
| |
|
| กินเข้าไป อ้วนเดี๋ยวดูดออกได้ไม่เป็นไร |
|
| จริงอยู่แม้ว่าจะสามารถดูดไขมันส่วนเกินออกได้ แต่การดูดไขมันในครั้งหลังๆจะยากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพังผืดที่เกิดขึ้นหลังการดูดไขมันในแต่ละครั้งจะเพิ่มขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อส่วนนั้นแข็งกว่าเดิม อีกทั้งไขมันที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้รวมตัวเหมือนครั้งแรก ผลของการรักษาจึงลดลงเรื่อยๆ ดังนั้นการควบคุมน้ำหนักและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลของการดูดไขมันในครั้งแรกจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง |
| |
|
| ดูดไขมันแล้วอ้วนกว่าเดิม |
|
| เป็นความเข้าใจที่ผิด จำนวนเซลไขมันไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกหลังจากเข้าสู่วัยหนุ่มสาวแล้ว ดังนั้นเมื่อเซลไขมันจำนวนหนึ่งถูกขจัดออกไป ก็จะเหลือจำนวนเซลไขมันที่น้อยลง การเพิ่มขึ้นของชั้นไขมันจึงมีทางเดียวคือการเพิ่มขนาดของเซล ดังนั้นคนที่อ้วนขึ้นอีกหลังจากดูดไขมันไปแล้วจึงเกิดจากการไม่มีวินัยในการควบคุมน้ำหนักตัวเป็นหลัก ไม่ได้เป็นผลจากการดูดไขมันแต่อย่างใด ที่สำคัญไขมันที่เพิ่มขึ้นมักสะสมอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เคยได้รับการรักษามาก่อนด้วยเนื่องจากสะสมได้ง่ายกว่า |
| |
|
| ทำไมหลังการดูดไขมันต้องนวด |
|
| ไม่ว่าจะใช้เครื่องมือที่ดีแค่ไหน ศัลยแพทย์ที่เก่งแค่ไหน ปัญหาคลื่นเล็กๆน้อยๆอาจเกิดขึ้นได้บ้าง ดังนั้นการนวดเพื่อปรับสภาพเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ผิวหนังก่อนที่พังผืดจะก่อตัวเป็นคลื่นจึงมีความจำเป็นอย่างมาก การนวดอาจใช้มือ (Manual massage) หรือใช้เครื่องมืออย่างเครื่องเอ็นเดอร์โมโลจี (Endermology) ก็จะช่วยได้ และควรเริ่มนวดหลังหนึ่งสัปดาห์เป็นต้นไปจนกว่าจะรู้สึกเรียบเนียน ซึ่งมักใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน |
| |
| |
