 |
| |
Smooth and volumise your forehead by advanced surgery |
|
|
| |
การเสริมหน้าผากผ่านกล้อง (Endo-Forehead Augmentation)
หน้าผากเป็นส่วนที่อยู่ส่วนบนสุดของใบหน้าแต่กลับได้รับความสำคัญเป็นอันดับท้ายๆรองจากตา จมูก ปาก คางและแก้ม
คงเป็นเพราะสามารถใช้เส้นผมมาช่วยปกปิดบังได้ บ้าง จนเมื่อส่วนอื่นของใบหน้าถูกแก้ไขตกแต่งจนได้ที่แล้ว จึงหันกลับมามองกันที่หน้าผากอีกครั้งหนึ่ง ในบางรายที่เชื่อในเรื่องโหงวเฮ้งก็มักจะให้ความสำคัญกับหน้าผากเป็นอันดับต้นๆ
ก่อนส่วนอื่นของใบหน้า
ในความจริงแล้วหน้าผากมีส่วนสำคัญไม่น้อยเลย ต่อความงามและสัดส่วนที่ลงตัวของใบหน้า นอกจากความสูงของหน้าผากที่ควรได้ประมาณ 1/3ของความยาวใบหน้าแล้ว ความโหนกนูนหรือProjection ก็มีความสำคัญไม่น้อย เพื่อให้รับกับความโด่งของจมูก โหนกแก้มและ คาง ที่เรียกันว่า S-Line เมื่อมองจากด้านข้าง
การแก้ไขเพื่อความลงตัวของหน้าผาก (Forehead Harmonization)
ในปัจจุบันการแก้ไขความบกพร่องของหน้าผากทำได้ไม่ยากเลย มีตั้งแต่การฉีดเติมเต็มหน้าผากด้วยการใช้สารเติมเต็ม(Filler) การเติมเต็มด้วยไขมัน(Microfat transfer),
การผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยแผ่นซิลิโคนหรือซีเมนต์เทียม เป็นต้น ในแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป |
| |
|
| ข้อดีข้อเสียของวิธีการเสริมหน้าผากที่มีอยู่ในปัจจุบัน |
|
การฉีดเติมเต็มด้วยฟิลเล่อร์
ข้อดี ทำได้ง่าย, บวมช้ำน้อยกว่าวิธีอื่นๆ, เติมแก้ไขได้ง่าย
ข้อเสีย ค่าใช้จ่ายสูง, ต้องเติมบ่อยๆ ,มีโอกาสเป็นคลื่นๆได้ถ้าเติมไม่ถูกวิธีหรือกรณีเติมซ้ำหลายๆครั้ง, แก้ไขได้ยากมากถ้าเป็นสารเติมเต็มชนิดถาวร,
มีโอกาสแพ้สารที่เติมหรืออนุภาคสารเติมเต็มไปอุดหลอดเลือดที่สำคัญทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นขาดเลือดไปเลี้ยงหรือตาบอดได้
การเติมเต็มด้วยเซลไขมัน
ข้อดี เป็นเซลไขมันของเราเอง ,ไม่แพ้แน่นอน, สามารถเติมได้ในปริมาณมากๆ
ข้อเสีย ในกรณีเซลไขมันที่เติมสลาย(Resorbtion)ไม่เท่ากัน ทำให้เกิดเป็นคลื่นไม่เรียบ อาจต้องทำมากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อปรับผิวให้เรียบ,ทุกครั้งที่เติมต้องดูดไขมันใหม่
การแก้ไขจึงทำได้ยากกว่า
การผ่าตัดเสริมด้วยซิลิโคนแผ่น
ข้อดี ผิวเรียบ สามารถเลือกความนูนได้เท่าที่ต้องการ, คงรูป ไม่ต้องทำซ้ำ
ข้อเสีย มีแผลผ่าตัดที่หนังศรีษะ พักฟื้นนานกว่า อาจเห็นขอบของซิลิโคนได้ ถ้าผิวหน้าบางหรือผอมลง ค่าใช้จ่ายสูงกว่า
การผ่าตัดเสริมด้วยซีเมนต์เทียม
ข้อดี คล้ายกับการผ่าตัดด้วยซิลิโคนแผ่น
ข้อเสีย แผลผ่าตัดยาวเหมือนที่คาดผม ,การปรับให้ผิวเรียบทำได้ยากกว่า บวมช้ำมากกว่า จึงไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ยกเว้นงานแก้ไขกระดูกยุบจากอุบัติเหตุเท่านั้น
|
| |
ในปัจจุบันมีการใช้สารเติมเต็มกันอย่างแพร่หลายเช่นเดียวกับการเติมเต็มด้วยเซลไขมัน แต่ปัญหาที่พบตามมาและมักไม่ค่อยมีการพูดถึงกัน
คือความไม่เรียบของผิวหน้าผาก(Uneveness) มักเป็นคลื่นๆ(Wavy)ให้เห็นได้ โดยเฉพาะเวลากระทบกับแสงไฟ ยิ่งมีการเติมบ่อยครั้งโอกาสที่จะเกิดเป็นคลื่นๆก็มีมากขึ้น
เนื่องจากพังพืดที่เกิดขึ้นตามมา |
| |
| การผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนแผ่นผ่านกล้อง (Endo_Forehead Augmentation)่ |
| |
ซิลิโคนหน้าผากชนิดแผ่นในปัจจุบัมีการพัฒนาไปมาก มีความนิ่มและมีหลายขนาดให้เลือก หรือจะสั่งทำ(Custom made) ให้เหมาะกับแต่ละบุคคลก็สามารถทำได้
ทำให้ความนิยมในการใช้สูงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสามารถแก้ไขปัญหาผิวไม่เรียบของสารเติมเต็มหรือไขมันได้เป็นอย่างดี และเป็นการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว
ทำไมต้องผ่าตัดผ่านกล้อง
การผ่าตัดเสริมหน้าผากโดยทั่วไป ต้องกรีดแผลยาวประมาณ 5 ซม.กลางกระหม่อม ทำให้มีแผลเป็นยาว อีกทั้งการเปิดช่องใต้ผิวหนังสำหรับซิลิโคน
ก็ทำแบบมองไม่เห็น (Blind dissection) มีโอกาสที่เครื่องมือจะโดนเส้นเลือดหรือเส้นประสาทที่สำคัญ ดังนั้นการใช้กล้องเข้ามาช่วยในการผ่าตัดนอกจากจะช่วยเรื่องแผล ที่สามารถเล็กลงเหลือแค่ 1-2 ซม แล้ว ยังทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บต่อเส้นเลือดและเส้นประสาทดังกล่าวได้อีก เนื่องจากเราสามารถมองเห็นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังได้หมด
ความละเอียดในการผ่าตัดและความปลอดภัยจึงมีมากกว่า โอกาสบวมช้ำน้อยกว่า และหายเร็วกว่า
การผ่าตัดเสริมหน้าผากผ่านกล้องเป็นวิธีใหม่ที่ยังไม่แพร่หลายเนื่องจากแพทย์ผ่าตัดต้องมีความชำนาญสูงอีกทั้งยังต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัยร่วมด้วย
ซึ่งในอนาคตน่าจะกลายเป็นมาตรฐานสำหรับการผ่าตัดเสริมผน้าผาก เช่นเดียวกับการดึงหน้าผากผ่านกล้องที่ได้กลายเป็นมาตรฐานสากลไปแล้ว |
|
| ระยะพักฟื้นนานแคไหน |
|
| การผ่าตัดผ่านกล้องใช้เวลาในการผ่าตัดเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น จะมีอาการบวมบ้างในสัปดาห์แรก แต่ไม่มากเท่ากับการผ่าตัดแบบเดิม หลังสามวันสามารถกลับไปทำกิจวัตรได้ตามปกติ อาจมีอาการเขียวช้ำบ้างขึ้นกับสภาพผิวหนังเป็นหลัก โดยทั่วไปจะดูดีเป็นธรรมชาติภายหลังหนึ่งเดือนขึ้นไป |
| |
| ผลการผ่าตัดจะอยู่ได้นานแค่ไหน |
| |
| ผลการผ่าตัดสามารถอยู่ได้ยาวนานถาวร |
| |
| |
|
| |
|
| |
| |
| |
