|
|
Eye bag disappear without visible scar and downtime |
|
|
|
ทำไมเราจึงต้องมีถุงใต้ตา |
|
ความจริงเรามีถุงใต้ตากันทุกคนตั้งแต่เกิด เพราะถุงใต้ตาก็คือไขมันที่อยู่ใต้ลูกตาที่อยู่ในเบ้าตาอีกทีหนึ่ง ไม่ใช่อะไรที่เป็นถุงๆอย่างที่หลายคนเข้าใจ ยามที่เราเป็นเด็กหรือวัยรุ่นกล้ามเนื้อรอบดวงตามีความแข็งแรงเป็นเหมือนผนังกั้นไม่ให้ไขมันดันตัวออกมา เมื่อเราอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อที่อ่อนแรงลงจะทำให้ไขมันที่มีอยู่เดิมสามารถดันตัวออกมาให้เห็นเป็นถุงได้ คนส่วนใหญ่จึงเรียกมันว่าถุงใต้ตา |
|
|
แล้วทำไมวัยรุ่นสมัยนี้ก็มีถุงใต้ตากันแล้ว |
|
ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป คนสมัยนี้ใช้เวลาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นส่วนใหญ่ กล้ามเนื้อจึงอ่อนล้าเร็วกว่าคนสมัยก่อน บางครั้งเราจึงเรียกมันว่า Computer Eye Bag แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีถุงใต้ตาตั้งแต่เด็กตามพันธุกรรมของตนเอง |
|
|
ทำไมถุงใต้ตามันบวมๆ ยุบๆ ไม่เคยเหมือนกันในแต่ละวัน |
|
สาเหตุหนึ่งของตาบวมคล้ายถุงใต้ตาคืออาการอุ้มน้ำหรือบวมน้ำของผิวหนัง ซึ่งเป็นธรรมชาติที่แตกต่างกันในแต่ละคน อาการบวมจะขึ้นๆลงๆไม่แน่นอน ขึ้นกับการพักผ่อนที่เพียงพอหรือไม่ เป็นหลัก แตกต่างจากถุงไขมันใต้ตา ที่ไม่มีการเปลี่ยนรูปขึ้นลงตามเวลา แต่ในบางรายก็มีทั้งตาบวมน้ำและถุงใต้ตาอยู่ด้วยกันก็มี |
|
|
มีถุงใต้ตาแล้วต้องเอาออกหรือ |
|
ไม่จำเป็น เนื่องจากมันไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพหรือการมองเห็นแต่อย่างใด แต่ที่คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการเนื่องจากมันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของความแก่ และยังทำให้ดูเหนื่อยอ่อนล้า ไม่สดใสเท่าที่ควร |
|
|
ถ้าต้องการเอาถุงใต้ตาออกต้องทำอย่างไร |
|
การศัลยกรรมถุงใต้ตาเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐานสำหรับการเอาถุงใต้ตาออก ซึ่งจะผ่าตัดเอาออกจากด้านในหนังตาหรือจะผ่าตัดเอาออกด้วยการกรีดตาล่างก็ได้ ส่วนวิธีอื่นๆ เช่น การฉีดยาสลายไขมันใต้ตา การทายากระชับผิว ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้แต่อย่างใด การฉีดสารเติมเติมที่ร่องตาเป็นการแก้ปัญหาที่ร่องตาทำให้ถุงใต้ตาอาจดูชัดน้อยลงบ้าง แต่ก็ไม่ใช่วิธีรักษาถุงใต้ตาโดยตรงและถ้าทำไม่ดีอาจทำให้ปัญหาถุงใต้ตามากขึ้นได้ |
|
|
อะไรคือเลเซอร์ถุงใต้ตา |
|
ด้วยเทคโนโลยีของแสงเลเซอร์ ทำให้การผ่าตัดถุงใต้ตาเป็นเรื่องเล็ก เพราะเราสามารถใช้แสงเลเซอร์มาช่วยในการผ่าตัดเพื่อนำถุงไขมันใต้ตาออกมา จากด้านในของหนังตาผ่านแผลขนาดเล็กเพียง 0.5 -1 เซนติเมตรเท่านั้น ด้วยคุณสมบัติพิเศษของแสงเลเซอร์ที่สามารถห้ามเลือดไปในตัว ทำให้เสียเลือดน้อยมาก อาการบวมช้ำจึงน้อยมากเมื่อเทียบกับการผ่าตัดด้วยการผ่าตัดถุงใต้ตาจากภายนอก สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติในวันถัดไป โดยไม่มีแผลภายนอกให้เห็น ด้วยเหตุนี้ เลเซอร์ถุงใต้ตาจึงจัดอยู่ในกลุ่ม Weekend surgery ประเภทหนึ่งของสยามสวอนคลินิก |
|
|
เลเซอร์ถุงใต้ตามีอันตรายหรือไม่ |
|
การทำเลเซอร์ถุงใต้ตาถือว่ามีความปลอดภัยสูงมากถ้าทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ต้องกังวลว่าแสงเลเซอร์จะไปกระทบกับดวงตาเนื่องจากในขณะรักษาดวงตาทั้งคู่จะถูกปกป้องด้วยตัวครอบตา (Eye shield) ซึ่งแสงเลเซอร์ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ อีกทั้งการผ่าตัดทั้งหมดก็อยู่ในส่วนของหนังตาล่างเป็นหลัก มิได้ทำที่ลูกตาแต่อย่างใด |
|
|
เลเซอร์ถุงใต้ตาแล้ว จะกลับมาอีกหรือไม่ |
|
การนำถุงใต้ตาออกด้วยแสงเลเซอร์ เป็นการนำ ไขมันส่วนเกินออก เท่านั้น มิได้นำไขมันออกจนหมดอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะถ้าเรานำถุงไขมันออกจนหมด แทนที่ใต้ตาจะดูเรียบเนียนก็จะได้ตาที่ลึกโบ๋มาแทน อย่างไรก็ตามไขมันที่เหลืออยู่ก็มีจำนวนน้อยมาก จึงไม่สามารถดันตัวออกมาให้เราเห็นเป็นถุงไปอีกหลายๆปี ส่วนจะกี่ปีไม่มีใครบอกได้ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่ถ้ามีอีกก็ไม่มากเหมือนเดิมและสามารถทำการรักษาซ้ำใหม่ได้ |
|
|
การทำเลเซอร์ถุงใต้ตามีโอกาสทำให้ตาปลิ้นได้หรือไม่ |
|
ไม่ เนื่องจากเลเซอร์ถุงใต้ตาเป็นการนำถุงไขมันใต้ตาส่วนเกินออกเท่านั้น ไม่ได้ตัดหนังตาหรือกล้ามเนื้อตาออกแต่อย่างใด ดังนั้นปัญหานี้จึงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน |
|
|
เลเซอร์ถุงใต้ตารักษารอยคล้ำใต้ตาได้หรือไม่ |
|
รอยคล้ำใต้ตา หรือ Dark circles มีสาเหตุมากมาย ถ้าเป็นรอยคล้ำที่เกิดจากเงาของถุงใต้ตา เมื่อเรานำถุงใต้ตาออกแล้ว รอยคล้ำก็จะหายไปได้ด้วย แต่ถ้าเป็นรอยคล้ำจากสาเหตูอื่นเลเซอร์ถุงใต้ตาช่วยไม่ได้ |
|
|
ข้อแทรกซ้อนที่ต้องระวัง |
|
แม้ว่าการผ่าตัดถุงใต้ตาด้วยแสงเลเซอร์จะเป็นวิธีการที่ดี แต่ก็ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์เป็นสำคัญ การประเมินสภาพของถุงใต้ตาทั้งก่อนและระหว่างผ่าตัด เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งต่อผลสัมฤทธิ์ของการรักษาด้วยวิธีนี้ เนื่องจากถ้าเราประเมินผิดอาจส่งผลให้ตาลึกโบ๋ หรือผิวหนังเหี่ยวย่นยิ่งกว่าก่อนทำเสียอีก การดูแลหลังผ่าตัดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากอาจมีเลือดออกในภายหลังได้ ถ้าดูแลไม่ดีพอ |
|
|